 ยังคงได้รับความสนใจและความนิยมอย่างต่อเนื่องด้วยลักษณะแบบกระจายศูนย์และศักยภาพการเติบโตของมูลค่าในระยะยาว Bitcoin ถูกขุดไปมากกว่า 19 ล้านเหรียญ และปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งของ Bitcoin (Bitcoin Halving) ครั้งต่อไปกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ถึงหนึ่งปีนับจากนี้ ซึ่งนำไปสู่คำถามให้ชวนสงสัยว่า จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อขุด Bitcoin ทั้งหมดแล้ว

เหลือ Bitcoin ให้ขุดอีกเท่าไหร่

ณ เดือนมิถุนายน 2023 มี Bitcoin ประมาณ 19.402 ล้านเหรียญหมุนเวียนอยู่ ซึ่งหมายความว่ามี Bitcoin เหลือให้ขุดเพียง 1.59 ล้านเหรียญเท่านั้น

 ตอนนี้ Bitcoin ถูกขุดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 37.5 เหรียญต่อชั่วโมง ซึ่งเท่ากับ 900 BTC ต่อวัน Bitcoin ไม่เคยสูญหายไปอย่างแท้จริง คำว่า “สูญหาย” ของ Bitcoin นี้หมายถึงการที่เจ้าของ 

เสียมากกว่า ซึ่งส่งผลให้ Bitcoin ของพวกเขาถูกล็อคไว้อย่างถาวร

ปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งของ Bitcoin

 เป็นกระบวนการที่ใช้เพื่อลดจำนวน Bitcoin ที่เข้าสู่การหมุนเวียนลงครึ่งหนึ่งทุกครั้งที่มีการขุด 

 210,000 บล็อก (ประมาณทุกๆ 4 ปี) ซึ่งหมายความว่า Bitcoin สุดท้ายจะถูกขุดภายในสิ้นปี 2078 กล่าวคือจะไม่มี Bitcoin เหลือให้ขุดอีก

มีความสับสนอยู่บ้างเกี่ยวกับวันที่ที่แน่นอนของวันที่อุปทาน Bitcoin ทั้งหมดจะถูกขุดจนหมด หากค้นหาคำตอบใน Google เป็นไปได้ว่าวันที่ของปรากฏการณ์นี้จะระบุเป็นปี 2040 แทนที่จะเป็นปี 2078 

รางวัลสำหรับการขุดเริ่มต้นที่ 50 BTC ต่อบล็อกเมื่อ Bitcoin เปิดตัวในปี 2009 เมื่อปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งของ Bitcoin ครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2012 รางวัลก็ลดลงครึ่งหนึ่งเหลือ 25 BTC ต่อบล็อก หลังจากนั้นก็ลดลงเหลือ 12.5 BTC ในเดือนกรกฎาคม 2016 และปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งครั้งล่าสุด (พฤษภาคม 2020

รางวัลบล็อกลดลงเหลือ 6.25 BTC คาดว่าปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งของ Bitcoin ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในวันที่ 5 มิถุนายน 2024 ซึ่งจะลดรางวัลบล็อก Bitcoin เหลือ 3.125 BTC ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2023 บล็อกปัจจุบันมีจำนวน 794,416 บล็อก เหลือจำนวนให้ขุดอีก 45,584 บล็อกจนกว่าจะถึงปรากฏการณ์ครั้งต่อไปที่ 840,000 บล็อก

ทำไมอุปทาน Bitcoin จึงมีจำกัด

 กำหนดไว้ในปี 2008 ว่าอุปทาน Bitcoin ทั้งหมดจะจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญเสมอ ซึ่งจะทำให้เกิดสกุลเงินเสมือนจริงที่ไม่มีเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก Bitcoin มีไว้สำหรับการใช้งานในการทำธุรกรรมเช่นเดียวกับเงินกระดาษ อุปทาน Bitcoin มากเกินไปในตลาดอาจทำให้เกิดความผันผวนของราคา BTC อย่างรุนแรงได้

ด้วยความคิดนี้ ผู้ประดิษฐ์จึงกำหนดอุปทานจำกัดของ Bitcoin ไว้ที่ 21 ล้านเหรียญเพื่อควบคุมอุปทานไม่ให้เกิดความผันผวนของราคา Bitcoin ในอนาคต

วิธีหนึ่งในการควบคุมกลไกนี้คือค่อยๆ ปล่อย Bitcoin ออกสู่ตลาด แทนที่จะปล่อย Bitcoin ทั้งหมด 21 ล้านเหรียญในทันที ด้วยเหตุนี้ รหัส Bitcoin จึงถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถขุด Bitcoin จำนวนคงที่ได้ในแต่ละปีจนกว่าจะถึงขีดจำกัด 21 ล้านเหรียญ

Bitcoin ใหม่จะเข้าสู่ระบบหมุนเวียนทุกครั้งที่มีการขุดบล็อกใหม่และเพิ่มลงในบล็อกเชน Bitcoin 

 ถูกตั้งโปรแกรมด้วยอัลกอริธึมทางคณิตศาสตร์ที่ยากซึ่งช่วยรักษาความเสถียรของระบบทั้งหมดโดยรักษาระยะเวลาในการหาบล็อกใหม่ถึง 10 นาที ความยากนี้จะอัปเดตเพิ่มขึ้นทุกๆ 2,016 บล็อก หรือประมาณทุกๆ สองสัปดาห์ เนื่องจากเครือข่ายจะตรวจสอบว่ากิจกรรมของนักขุดเพิ่มขึ้นหรือลดลง เครือข่ายจะปรับความยากของการขุด Bitcoin เพื่อให้เวลาการหาบล็อกแต่ละบล็อกคงไว้ที่ประมาณ 10 นาที

มี Bitcoin อยู่เท่าไหร่

ทุกวันนี้มีบล็อก Bitcoin ที่พร้อมให้ขุดน้อยลงในขณะที่วันสิ้นสุดการขุด Bitcoin ค่อยๆ ใกล้เข้ามา อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า ทุก Bitcoin ที่ถูกขุดไม่ได้หมุนเวียนอยู่ในระบบปัจจุบันทั้งหมด ซึ่งจะยิ่งลดอุปทานรวมของ Bitcoin ที่หมุนเวียนอยู่ในระบบไม่ว่าในขณะใดก็ตาม มีเหตุผลหลายประการที่อุปทานปัจจุบันของ Bitcoin ไม่สัมพันธ์กับจำนวน Bitcoin ที่ขุดไปแล้วทั้งหมด

หนึ่งในเหตุผลหลักคือวิธีการจัดเก็บ Bitcoin เนื่องจากเจ้าของจำเป็นต้องปกป้อง Bitcoin ของตนโดยใช้ 

 และรหัสผ่าน จึงไม่มีทางเข้าถึง Bitcoin ที่เก็บไว้ได้ หากเจ้าของเสียชีวิตโดยไม่ได้ให้ผู้อื่นเข้าถึงรหัสผ่าน Bitcoin อาจถูกทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้อย่างถาวรเนื่องจากข้อผิดพลาดอื่น ๆ ของเจ้าของ สกุลเงินดิจิทัลที่ล้ำสมัยนี้ไม่เหมือนสินทรัพย์อื่น ๆ ตรงที่แทบจะไม่สามารถเรียกคืนได้หากไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของ

ตามการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้โดย The New York Times ระบุว่าเกือบ 20% ของ Bitcoin ถูกขังอยู่ใน

 โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 140 พันล้านดอลลาร์ Bitcoin เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะถูกขังไว้แบบนั้นอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งส่งผลต่ออุปทานหมุนเวียนของ Bitcoin

ครั้งหน้าเมื่อมีคนถามคุณว่ามี Bitcoin หมุนเวียนอยู่กี่เหรียญ ให้ดูที่อุปทานหมุนเวียน ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ จำนวนดังกล่าวอยู่ที่ 

 ไม่รวม Bitcoin ที่ถูกขังอยู่ในวอลเล็ตที่ไม่สามารถเข้าถึงได้

แม้ว่าจะไม่มี Bitcoin ที่ถูกขังอยู่ แต่ในทางทฤษฎีก็ไม่สามารถบรรลุขีดจำกัดอุปทาน 21 ล้านเหรียญได้เมื่อขุด Bitcoin ทั้งหมดแล้ว ในความเป็นจริง ตัวเลขสุดท้ายจะใกล้เคียงกับขีดจำกัดอุปทานของ Bitcoin มาก เนื่องจากอุปทานของ Bitcoin ไม่ได้แสดงในเชิงตัวเลขที่แน่นอน ทว่ารหัส Bitcoin จะปัดเศษทศนิยมขึ้นเป็นจำนวนเต็มที่ใกล้เคียงที่สุด เป็นผลให้อุปทานของ Bitcoin 6.2589 เหรียญจะแสดงเป็น 6 เหรียญ

Bitcoin ถูกแบ่งออกเป็นหน่วยที่เล็กกว่าที่เรียกว่าซาโตชิ (Satoshi) หนึ่งซาโตชิประกอบด้วย 1/100 ล้านของหนึ่ง Bitcoin เนื่องจากการปัดเศษของตัวเลขและหน่วยที่เล็กกว่าเหล่านี้ ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่าขีดจำกัดอุปทานของ Bitcoin จะอยู่ที่ 20,999,999 เหรียญแทนที่จะเป็น 21 ล้านเหรียญ

ค่าตอบแทนในการเพิ่มอุปทานรวมของ Bitcoin

การขุด Bitcoin เป็นที่นิยมเพราะมีค่าตอบแทนอย่างมากสำหรับนักขุดที่สามารถขุด Bitcoin ได้จำนวนสูงสุดเพื่อทำกำไร แม้ว่านักขุดจะได้รับค่าตอบแทนเป็นรางวัลบล็อก แต่นักขุดยังได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มบล็อกได้สำเร็จด้วย นอกเหนือจากการได้รับ Bitcoin

หลังจากปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งทั้งสามครั้งก่อนหน้านี้ ปัจจุบันนักขุดได้รับรางวัล 6.25 BTC สำหรับการยืนยันบล็อก แม้จะมีการลดจำนวนรางวัลการขุดลง แต่มูลค่าที่สูงขึ้นของ Bitcoin ก็ชดเชยผลกระทบของปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากที่ Bitcoin กลายเป็นกระแสหลักที่ได้รับความนิยม แม้คาดว่าค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม Bitcoin จะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ทุกธุรกรรม BTC ที่จำเป็นต้องชำระราคาบนบล็อกเชน เลเยอร์เพิ่มเติม เช่น 

 มีบริการโอน Bitcoin ที่ถูกและรวดเร็ว และน่าจะช่วยให้มีการใช้งานในวงกว้างมากขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าค่าตอบแทนไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม คิดเป็นเพียง 6% ของรายได้ที่มีอยู่ของนักขุด จะเพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้ชดเชยการขาดทุนจากรางวัลบล็อกของ Bitcoin ได้ ทว่ายังคงไม่เป็นคำตอบที่น่าพอใจสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลาย ๆ คนที่มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในอุตสาหกรรม Bitcoin พวกเขายังต้องการทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ Bitcoin 21 ล้านเหรียญทั้งหมดถูกขุดจนหมด และมีอะไรที่พวกเขาสามารถทำได้เกี่ยวกับจำนวน Bitcoin ที่จะมีในอนาคตหรือไม่

เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเปลี่ยนขีดจำกัดอุปทานของ Bitcoin

ในทางทฤษฎีนั้นเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนอุปทาน Bitcoin ทั้งหมดโดยแก้ไขรหัสพื้นฐาน เนื่องจาก Bitcoin เองเป็นซอฟต์แวร์ ผู้เชี่ยวชาญจึงให้ความเห็นว่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ในการทำเช่นนั้นจะต้องให้นักพัฒนา ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และคอมมูนิตี้โดยรวมตกลงกันที่จะแก้ไขรหัส หากมีการบรรลุข้อตกลง นักพัฒนาจะเขียนรหัสเพื่อรวมการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นเข้ากับ 

เพื่อให้ทุกอย่างทำงานได้อย่างถูกต้อง ขั้นตอนต่อไปคือต้องแน่ใจว่าโหนดทั้งหมดบนเครือข่าย Bitcoin ยอมรับการเปลี่ยนแปลง หรือถูกบังคับให้ยอมรับ อย่างไรก็ตาม การทำให้โหนดทั้งหมดยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากแพลตฟอร์ม Bitcoin ได้รับการออกแบบให้เป็นระบบที่อยู่ได้ด้วยตัวเองเป็นหลัก ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง ในจุดนั้น นักพัฒนาจะต้องจัดการกับ 

 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงฉันทามติที่ทำให้พฤติกรรมที่ก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้องกลายเป็นถูกต้อง ในสถานการณ์ที่สมบูรณ์แบบนั้น โหนดทั้งหมดจะได้รับการอัปเกรดเพื่อยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เสนอ

อีกสถานการณ์หนึ่งคือจะมีผู้ใช้ Bitcoin บางรายที่ยังคงสนับสนุนขีดจำกัดอุปทานปัจจุบัน 21 ล้านเหรียญอยู่ ในกรณีนี้ นักขุดและโหนดที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงจะยังคงใช้งานบนแพลตฟอร์ม Bitcoin ที่มีอยู่ กลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะแข่งขันกับแพลตฟอร์ม Bitcoin ใหม่เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด สิ่งนี้เรียกว่า 

 หรือสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดการโต้เถียง เนื่องจากการสร้างบล็อกเชนขึ้นใหม่โดยแยกฐานการขุดเดิม ตัวอย่างเช่น 

ผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย: จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อขุด Bitcoin ทั้งหมด 21 ล้านเหรียญแล้ว 

ในปัจจุบัน ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ Bitcoin ทั้งหมดที่มีอยู่ในระบบถูกขุดจนหมด

มีนักวิเคราะห์หลายคนที่สนับสนุนการใช้ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูงขึ้นเพื่อชดเชยการขาดรางวัลบล็อก เทคโนโลยีใหม่ๆ น่าจะช่วยลดต้นทุนการขุดลงได้ ซึ่งจะส่งผลให้นักขุดมีกำไรมากขึ้นในที่สุด อีกทฤษฎีหนึ่งชี้ให้เห็นว่าแพลตฟอร์ม Bitcoin จะถูกใช้สำหรับธุรกรรมขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าสูงมากเท่านั้น ซึ่งจะสร้างรายได้เพียงพอที่จะตอบสนองผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ยังมีทฤษฎีอื่นๆ อีกมากมายที่คาดเดาเกี่ยวกับ Proof of Stake (PoS) และ Mining Cartels

ต่อไปนี้เป็นภาพรวมคร่าวๆ ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อขุด Bitcoin ทั้งหมดแล้ว จากมุมมองของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อนักขุด Bitcoin อย่างไร

นักขุดมีหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมและเพิ่มบล็อกใหม่ลงในเครือข่าย Bitcoin พวกเขาต้องแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน ซึ่งในปัจจุบันต้องใช้คอมพิวเตอร์ ASIC ที่มีพลังการคำนวณสูงและราคาแพงที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก

เพื่อตอบแทนความพยายามและชดเชยค่าใช้จ่ายในการปกป้องเครือข่าย นักขุดจะได้รับรางวัลบล็อกและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม

ในปัจจุบัน นักขุดและบริษัทขุดส่วนใหญ่จะใช้ระบบรางวัลบล็อกของ Bitcoin เพื่อชดเชยต้นทุนการขุดและยังทำกำไรได้ แต่เนื่องจากรางวัลการขุดลดลง คาดว่าต้นทุนการขุด Bitcoin จะแซงหน้ารางวัล BTC ที่นักขุดทำได้ก่อนที่จะถึงอุปทานคงที่

อย่างไรก็ตาม หากราคา Bitcoin เพิ่มขึ้นตลอดเวลา บางครั้งอาจชดเชยการลดลงของรางวัลบล็อกของ Bitcoin ได้ ปัจจุบัน ค่าเฉลี่ยของต้นทุนการขุด Bitcoin อยู่ที่ประมาณ $17,600 จากการใช้แบบจำลองการถดถอย และนักขุดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่ใช้ 

 ยังคงสามารถขุดได้คุ้มทุนระหว่าง $7,700 ถึง $10,560 ขึ้นอยู่กับความยากของเครือข่ายและต้นทุนไฟฟ้า นักขุดรุ่นก่อนหน้าตั้งแต่ปี 2016 ถึง 2018 ไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไป และเครื่องขุดจำนวนมากระหว่างปี 2019 ถึง 2020 ก็ไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไป

สิ่งที่รออยู่ในอนาคตข้างหน้า

ในปรากฏการณ์ลดลงครึ่งหนึ่งของ Bitcoin ครั้งต่อไปในปี 2024 ราคาคุ้มทุนเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหากไม่สร้างเครื่องขุดประสิทธิภาพสูงขึ้นหรือหาแหล่งไฟฟ้าที่ถูกกว่าไม่พบ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหากับบรรดานักขุด หากราคา Bitcoin ไม่เพิ่มขึ้นมากพอที่จะบรรลุระดับเหล่านั้น อาจทำให้เกิด Death Spiral ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่นักขุดจำนวนมากหยุดการขุด เนื่องจากทำกำไรไม่ได้ ทำให้ไม่มี Hash Power (พลังในการขุด) เพียงพอที่จะขุดบล็อกให้ได้จำนวนเพียงพอเพื่อปรับความยากในการขุดใหม่ภายในสองสัปดาห์

คำถามคือ จะเกิดอะไรขึ้นกับค่าธรรมเนียมการประมวลผลธุรกรรมเมื่อขุดเหรียญทั้งหมดแล้ว ในทางทฤษฎี หากนักขุดตรวจสอบธุรกรรมจำนวนเพียงพอ ค่าธรรมเนียมที่ได้รับสามารถช่วยชดเชยรางวัลบล็อกที่หายไปได้ แต่จำนวนค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมจะขึ้นอยู่กับสถานะของเครือข่ายในอนาคต

หากขีดจำกัดปัจจุบันที่ 21 ล้านเหรียญไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะต้องมีสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้เกิดขึ้น: ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่สูงขึ้นและต้นทุนการดำเนินการที่ลดลงควรเพียงพอที่จะรักษาสิ่งต่างๆ ไว้ หรือที่ตรงกันข้าม นักขุดอาจรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อควบคุมอุปทานและอุปสงค์ของ Bitcoin เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันและอุตสาหกรรมเหมืองเพชร

นักลงทุนรายย่อยและ HODLer

เมื่อการขุด Bitcoin ใกล้ถึงขีดจำกัด คาดว่ามูลค่าของ Bitcoin จะสูงขึ้น สมมติว่า Bitcoin ยังคงเป็นที่นิยม อุปทานที่จำกัดและมูลค่าการลงทุนจะดึงดูดให้ผู้คนใช้ Bitcoin เป็นสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อการลงทุนที่ทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์คงมูลค่ามากกว่าการใช้งานเพื่อทำธุรกรรม

กราฟราคาของ Bitcoin สนับสนุนการคาดการณ์นี้ เนื่องจากมูลค่าของมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจำนวนรางวัลต่อบล็อกจะลดลงก็ตาม HODLer และนักลงทุนรายย่อยจะสะสม Bitcoin ในวอลเล็ตของพวกเขาแทนที่จะปล่อยมัน การกระทำเหล่านี้จะยิ่งลดอุปทานลง และรักษามูลค่าของ Bitcoin ให้สูงขึ้น

ในอนาคต เมื่อเกิดวิกฤตใหม่ขึ้น ธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะพิมพ์เงินเพิ่มมากขึ้นเพื่อต่อต้านวิกฤต ซึ่งจะทำให้ค่าเงินลดลง ประชาชนของประเทศนั้นอาจเลือกใช้สกุลเงินท้องถิ่นที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงเพื่อ 

 ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่มีเงินเฟ้อ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์คงมูลค่า โดยไม่คำนึงถึงอุปทานของ Bitcoin ตราบใดที่อุปทานมีจำกัด

นักลงทุนสถาบัน

บริษัทจำนวนมากขึ้นมีความกระตือรือร้นที่จะทดลองใช้คริปโต Tesla, Block, Morgan Stanley และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย มีแผนระยะยาวที่จะใช้คริปโต แม้แต่ 

 หากความนิยมของคริปโตเคอเรนซียังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็มีแนวโน้มที่จะดึงดูดนักลงทุนสถาบันที่พร้อมจะบุกเบิกตลาดก่อนใครเข้ามามากขึ้น

Philip Gradwell หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Chainalysis กล่าวว่านักลงทุนสถาบันเชื่อว่า

 เนื่องจากข้อจำกัดของการขุด Bitcoin ความหายากและราคาที่อาจเพิ่มขึ้น นักลงทุนสถาบันจะใช้สกุลเงินเสมือนจริงเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เช่นเดียวกับที่ใช้โลหะมีค่าในอดีต

Bitcoin และคริปโตเคอเรนซีอื่นๆ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าจะเป็นดาบสองคมสำหรับรัฐบาลทั่วโลก แม้ว่าหลายประเทศจะไม่ยอมรับ Bitcoin เป็นสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่พวกเขาก็กำลังจับตาดูผลกระทบของ Bitcoin ต่อเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด ขณะนี้ เอลซัลวาดอร์เป็นประเทศแรกที่ยอมรับ Bitcoin ตามกฎหมาย แต่ 

แทนที่จะใช้แนวทางแบบ “เอาหรือไม่เอา” ผู้กำหนดนโยบายจะสนับสนุนด้วยแนวทางสายกลาง เช่น การอนุมัติ 

 รัฐบาลจะยอมรับ Bitcoin แต่พวกเขาจะพยายามควบคุมทุกแง่มุมของการใช้งาน แทนที่จะรอหาคำตอบว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อขุด Bitcoin ทั้งหมดแล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลแต่ละประเทศ รวมทั้งของสหรัฐอเมริกา จะสร้างสกุลเงินดิจิทัลในรูปแบบของตนเองเพื่อแข่งขันกับ Bitcoin หรือที่เรียกว่า 

ด้วยความนิยมที่ยาวนานของ Bitcoin เราสามารถสรุปได้ว่า 

 Bitcoin จะยังคงดึงดูดผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย แม้ว่า Bitcoin ทั้งหมดจะถูกขุดไปแล้วก็ตาม การที่ Bitcoin บรรลุจำนวนสูงสุดจะไม่สร้างสถานการณ์วันโลกาวินาศ เว้นแต่ Bitcoin จะสูญเสียความต้องการและความสนใจไป ระบบนิเวศของ Bitcoin มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะยังคงปรับตัวเข้ากับรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปของเศรษฐกิจโลก ทำให้มีแนวโน้มที่มั่นคงสำหรับอนาคตอันใกล้นี้

เริ่มต้น

2305-T4083_Bybit_Learn_-_21_Million_Bitcoin_Limit_1600x900.png

จำนวน Bitcoin จำกัด 21 ล้านเหรียญ: จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อขุด Bitcoin ทั้งหมดแล้ว

ในปี 2017 Larry Fink ซีอีโอของ BlackRock ได้เรียก Bitcoin ว่า “ดัชนีแห่งการฟอกเงิน” แต่ด้วยประกาศล่าสุดของผู้จัดการสินทรัพย์รายนี้เกี่ยวกับการยื่นคำขอ Bitcoin สปอต ETF ของบริษัทเองทำให้กระแสได้เปลี่ยนไปอย่างแน่นอนหากคุณสงสัยว่าตัวเร่งปฏิกิริยาล่าสุดจะทําให้

เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นก็คือว่าผู้จัดการสินทรัพย์มูลค่าล้านล้านดอลลาร์อย่าง BlackRock ได้กลายเลือกที่จะมอง Bitcoin เป็นแง่บวกแม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่สถาบันชื่อดังได้เปิดเผยถึงความตั้งใจที่จะลงทุนในคริปโตแต่ก็เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่งที่ผู้จัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่พอๆกับ BlackRock พยายามทําให้ Bitcoin ซื้อขายในตลาดได้ง่ายขึ้น

เหตุการณ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้นนี้ซึ่งทําให้โลกของการเงินแบบดั้งเดิมและคริปโตเข้าหากันมากขึ้นนั้นเป็นผลดีหรือผลเสียกับคริปโตกันนะในบทความนี้เราจะมาสํารวจ Bitcoin ETF และสํารวจว่าสปอต ETF ของ BlackRock แตกต่างจาก Bitcoin ฟิวเจอร์ส ETF แบบดั้งเดิมอย่างไรบ้าง

ซึ่งติดตามราคาของ Bitcoin และสามารถเทรดบนคลาดแลกเปลี่ยนแบบดั้งเดิมได้ซึ่งโดยปกติแล้วจะถูกมองว่าเป็นทางเลือกสําหรับผู้ที่กลัวที่จะยุ่งเกี่ยวกับคริปโตเคอเรนซีเนื่องจากเป็นการลดความจําเป็นในการให้นักลงทุนจัดการกับปัญหาด้านการจัดเก็บและการรักษาความปลอดภัยที่เกิดขึ้นจากการเป็นเจ้าของ Bitcoin

จนถึงตอนนี้ SEC ได้อนุมัติเฉพาะ Bitcoin 

 ETF เท่านั้นโดยทิ้ง Bitcoin Spot ETF ไว้ด้านหลังแม้ว่านักลงทุนรายย่อยทั่วไปอาจไม่รู้สึกยินดีเนื่องจากการประกาศการสมัคร Bitcoin ETF ของ BlackRock แต่นักลงทุนสถาบันจะรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ทราบว่าทางเลือกในการเข้าถึง Bitcoin ของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นทั้งนี้เนื่องจาก Smart Money มักจะมีข้อบังคับและกฎเฉพาะที่ห้ามการลงทุนใน Bitcoin โดยตรงต่อมาเราจะอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของนักลงทุนขนาดใหญ่เหล่านี้ที่ได้ซื้อ ETF

แม้ว่าเมื่อเร็วๆนี้จะมีข่าวพาดหัวเกี่ยวกับการสมัคร Bitcoin ETF และส่งสัญญาณเข้าสู่โลกของสินทรัพย์ดิจิทัล BlackRock นั้นเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในโลกของการเงินแบบดั้งเดิมเสมอๆเมื่อพูดถึงบริษัทจัดการสินทรัพย์แล้วนั้น BlackRock เป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของโลกเนื่องจากมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์

บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1988 โดยให้บริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อจัดหาเงินทุนให้แก่นักลงทุนกองทุนบําเหน็จบํานาญรัฐบาลองค์กรและสถาบันการเงินทั่วโลกด้วยขนาดที่ใหญ่และมีตัวตนที่สำคัญในด้านการเงินแบบดั้งเดิม BlackRock จึงมีโอกาสได้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการลงทุนคริปโตเคอเรนซีในการยื่นคำขอ Bitcoin ETF นี้

BlackRock Bitcoin ETF คืออะไร

เช่นเดียวกับคู่แข่งขัน BlackRock Bitcoin ETF จะพยายามติดตามราคาของคริปโตเคอเรนซีที่เป็นที่ต้องการสูงนี้อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทําให้ ETF Bitcoin ของ BlackRock พิเศษคือมันเป็นสปอต ETF ซึ่งหมายความว่านักลงทุนที่ซื้อ BlackRock Bitcoin ETF จะสามารถเทรดใน Bitcoinได้โดยตรงและรับ Bitcoin จริงแทนทีจะเป็นอนุพันธ์ของ Bitcoin เช่นฟิวเจอร์สหรือสวอป

ก่อนที่จะเจาะลึกถึงข้อมูลที่เฉพาะเจาะจงสิ่งสําคัญคือต้องเข้าใจว่าสปอต ETF นั้นทํางานอย่างไรเพื่อให้สปอต ETF ทํางานจะต้องมีทรัพย์สินจริงๆและได้รับการหนุนหลังโดยทรัพย์สินอ้างอิงในกรณีของ Bitcoin สปอต ETF นี่หมายความว่าสถาบันที่เสนอ Bitcoin ต้องเป็นเจ้าของ Bitcoin ในจํานวนที่เท่ากันและเก็บไว้เพื่อคลังเพื่อเป็นตัวแทนของ BlackRock Bitcoin ETF ที่เทรดกันในตลาด

Bitcoin สปอต ETF ของ BlackRock จะทํางานได้อย่างไร

ในการจัดตั้ง Bitcoin สปอต ETF นั้น BlackRock จะสร้างบัญชีการเก็บรักษา (custodian) กับธนาคารและสถาบันการเงินอื่นๆก่อนเป็นอันดับแรกซึ่งจะถือ Bitcoin ที่เป็นสินทรัพย์อ้างอิงสำหรับนักลงทุนผู้เก็บรักษาสินทรัพย์เหล่านี้จะรับผิดชอบในการจัดการจัดเก็บและปกป้องทรัพย์สินของกองทุนในนามของนักลงทุน

ด้วยวิธีนี้ BlackRock จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึง Bitcoin ได้โดยไม่ต้องซื้อหรือขายคริปโตเคอเรนซีด้วยตนเองนอกจากนี้ยังทำให้ตลาดมีสภาพคล่องมากขึ้นเนื่องจากนักลงทุนไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการซื้อและขาย Bitcoin จํานวนมากในแต่ละครั้ง

แม้ว่าอาจดูเหมือนตัวเร่งปฏิกิริยาเล็กๆในแผนการที่ยิ่งใหญ่แต่ก็จะมีผลอย่างใหญ่หลวงสําหรับคริปโตในพื้นที่ของสถาบันซึ่งเราจะกล่าวถึงเพิ่มเติมในส่วนถัดไป

ทําไมทุกคนถึงตื่นเต้นกับ Bitcoin ETF ของ BlackRock

หากคุณยังใหม่กับ

คริปโตคุณอาจสงสัยว่าทําไมนักลงทุนถึงมีความหวังจาก

ท้ายที่สุดแล้ว Bitcoin ETF เช่น ProShares Bitcoin Strategy ETF (

) และ Valkyrie Bitcoin Strategy ETF (

) ก็มีอยู่แล้วดังนั้นดูเหมือนจะไม่มีเหตุผลที่จะตื่นเต้นกับ ETF ของ Bitcoin อื่นหรือว่าไม่ใช่กันนะ

นี่คือจุดที่แนวคิดของการยอมรับโดยนักลงทุนกระแสหลักและการซื้อจํานวนมากจากสถาบันเข้ามามีบทบาท

BlackRock จะต้องซื้อ Bitcoin มาสํารองไว้ในคลังเมื่อออก Bitcoin สปอต ETF เนื่องจาก BlackRock เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มี AUM จํานวนล้านล้านดอลลาร์จึงมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้ปริมาณการซื้อ BTC เพิ่มขึ้นในขณะที่บริษัทพยายามซื้อ Bitcoin มาสำรองในคลังเมื่อเวลาผ่านไปซึ่งการประกาศนี้อาจทําให้นักเก็งกําไรกระโดดขึ้นเกาะขบวนรถและซื้อเข้ามาเนื่องจากกลัวที่จะพลาดโอกาสไป (FOMO) ไปในเรื่องรายได้คริปโตที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงกระแสความบ้าคลั่งในการซื้อแบบเสริมกันนี้มีแนวโน้มที่จะทําให้ราคา BTC สูงขึ้นหากหน่วยงานกํากับดูแลอนุมัติ BTC ETF ของ BlackRock

แม้ว่าทุกข้อข้างต้นจะฟังดูดีแต่ก็ยังมีปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งนั่นก็คือหาก Bitcoin ETF ของ BlackRock ไม่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกํากับดูแลความตื่นเต้นทั้งหมดนี้จะสูญเปล่าไป

โชคดีที่ BlackRock มีประวัติที่น่าประทับใจและยาวนานเกี่ยวกับการขออนุมัติสิ่งต่างๆตามหลักกฎหมายได้ประสบความสำเร็จด้วยการอนุมัติ ETF มากกว่า 500 รายการและประวัติการตอบสนองความต้องการของตลาดสําหรับผลิตภัณฑ์ของบริษัทบริษัทได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่โดดเด่นในการนําทางภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบในเรื่องการนํากองทุนเข้าสู่ตลาดด้วยชื่อเสียงเพียงอย่างเดียวนี้เป็นเหตุผลสําคัญที่ทําให้ราคา Bitcoin เพิ่มสูงขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เนื่องจากนักเก็งกําไรคาดหวังว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการบริหารสินทรัพย์จะประกาศการเปิดตัว ETF ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับราคา Bitcoin

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก Bitcoin ETF ของ BlackRock ต่อราคา Bitcoin แหล่งที่มา: Bybit

ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น Bitcoin ETF ของ BlackRock มีศักยภาพในการเป็นกองทุนคริปโตสปอตแห่งแรกในตลาดซึ่งทําให้ไม่เหมือนกับกองทุนอื่นๆในตลาดซึ่งเสนอ Bitcoin ฟิวเจอร์ส ETF (เนื่องจาติดตามราคาของสัญญา Bitcoin ฟิวเจอร์สมากกว่าราคาที่แท้จริงของ Bitcoin เอง) ผลกระทบของเหตุการณ์สําคัญนี้จะใหญ่หลวงเนื่องจากสถาบันต่างๆจะสามารถเข้าถึง Bitcoin ได้มากขึ้นโดยไม่ต้องซื้อหรือจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลเองส่งผลให้มีการลงทุนระลอกใหม่ๆในพื้นที่คริปโตซึ่งมีตั้งแต่นักลงทุนสถาบันที่พยายามสํารอง Bitcoin ไว้ในคลังให้กับผู้ซื้อรายย่อยที่มีอาการ FOMO ที่อาจไม่มีช่องทางหรือความรู้ในการซื้อและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยตนเอง

นับตั้งแต่การประกาศการยื่นคำขอ ETF เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2566 Bitcoin ได้พุ่งสูงขึ้นจาก 25,000 ดอลลาร์ไปจนถึงมากกว่า 30,000 ดอลลาร์เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาโดยมีปริมาณสูงเมื่อไม่นานมานี้ทำให้ราคา BTC มีแนวโน้มที่จะอ่อนแรงลงและประสบกับการย่อของราคารูปแบบใดรูปแบบหนึ่งในระยะสั้นเราคาดการณ์ว่าราคาจะทดสอบโซนราคา $30,000 อีกครั้งเนื่องจากมันเป็น

ในอดีตที่ BTC ได้ผ่านทะลุมาอย่างงายดายที่ตอนนี้ทําหน้าที่เป็นแนวรับสําหรับผู้ซื้อ BTC 

ในระยะยาวนั้นหาก BlackRock ได้รับการอนุมัติ Bitcoin สปอต ETF เราคาดว่าราคาจะสูงถึง 35,000 ถึง 40,000 ดอลลาร์เนื่องจากอาจเกิดแรงซื้ออย่างมากอีกครั้งซึ่งนักเทรดคริปโตรายย่อยพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากอารมณ์ในแง่บวกของนักลงทุนในระยะสั้นอย่างไรก็ตามหากหน่วยงานกํากับดูแลปฏิเสธคำขอสมัคร ETF เราอาจเห็นแรงขายจํานวนมากเนื่องจากนักเทรดคริปโตรายย่อยตกใจขาย BTC ที่ตนถือครองโดยนำราคากลับไปยัง $25,000

Bitcoin สปอต ETF ของ BlackRock เทียบกับ Bitcoin ฟิวเจอร์ส ETF:

ความเป็นเจ้าของเป็นประเด็นสําคัญเมื่อเปรียบเทียบ Bitcoin สปอต ETF กับ Bitcoin ฟิวเจอร์ส ETF เนื่องจากสถาบันที่เสนอสปอต ETF จะต้องเป็นเจ้าของ Bitcoin และมี Bitcoin สํารองอยู่ในคลังของตนสถาบันสามารถติดตามราคาที่แท้จริงของ Bitcoin ได้โดยตรงแทนที่จะเป็นราคาของสัญญาฟิวเจอร์สที่ขึ้นอยู่กับการซื้อและการขายของนักเก็งกําไรดังนั้นแทนที่จะอาศัยสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ในอนาคตเพื่อประมาณมูลค่าของ Bitcoin สปอต ETF จะใช้ราคาตลาดปัจจุบันและสะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่คริปโตมากขึ้น

แทนที่จะมองการกําหนดราคาตามสัญญา Bitcoin ฟิวเจอร์สเป็นข้อเสียผู้ซื้อ Bitcoin ฟิวเจอร์ส ETF มีมุมมองที่แตกต่างออกไปเนื่องจาก Bitcoin ฟิวเจอร์ส ETF ผูกอยู่กับสัญญาที่มีวันหมดอายุที่กําหนดไว้ล่วงหน้าและราคาคงที่ทำให้สามารถมอบเสถียรภาพให้กับนักลงทุนที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงมากเกินไปเนื่องจากความผันผวนของ Bitcoin

BlackRock Bitcoin ETF จะเป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่

เป้าหมายหลักของ BlackRock Bitcoin สปอต ETF ดูเหมือนจะเป็นนักลงทุนสถาบันที่ผูกมัดตามระเบียบข้อบังคับเช่นเดียวกับนักลงทุนรายย่อยที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการซื้อคริปโตดังนั้นสำหรับนักลงทุนและนักเทรดที่เข้าใจเรื่องคริปโตและลงทุนเป็นอย่างดีจะเป็นการดีกว่าหากซื้อ Bitcoin จริงๆเนื่องจากข้อผิดพลาดในการติดตามราคาที่อาจเป็นไปได้รวมถึงค่าธรรมเนียมการจัดการค่าใช้จ่ายและสเปรดที่แย่กว่าที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากการขาดสภาพคล่องอย่างไรก็ตามหากมีโอกาสเทรดอย่างกะทันหันที่เกิดขึ้นก็จะไม่ใช่เรื่องเสียหายใดๆในการซื้อและขายหุ้น Bitcoin ETF ของ BlackRock เช่นเคยโปรด

ก่อนที่จะเลือกลงทุนในคริปโตเคอเรนซีใดๆรวมถึง BlackRock Bitcoin ETF 

เส้นทางในการนํา ETF จุด Bitcoin ออกสู่ตลาดนั้นยาวนานแต่ความสําเร็จของ ETF อาจปูทางไปสู่ผลิตภัณฑ์สินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคตซึ่งปัจจุบันสถาบันที่มีขนาดใหญ่อย่าง BlackRock ได้ก้าวเข้าสู่สังเวียนแล้วแม้ว่าการที่นักลงทุน Bitcoin รายย่อยยังคงทำการ

ไว้ในสินทรัพย์คริปโตที่ต้องการจะยังคงเป็นเรื่องที่ไม่แปลกเนื่องจากเหตุผลด้านค่าธรรมเนียมการจัดการและข้อผิดพลาดในการติดตามราคาการอนุมัติ BlackRock Bitcoin ETF จะส่งข้อความไปยังมวลชนว่าสถาบันต่างๆพร้อมเกาะกระแสคริปโตแล้วและแวดวงสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นยังคงได้รับความนิยมอยู่แม้ว่าสื่อกระแสหลักได้ป่าวประกาศไว้ก่อนหน้านี้

จากมุมมองนี้ BlackRock Bitcoin ETF เป็นสิ่งที่ดีสําหรับอุตสาหกรรมคริปโตอย่างแน่นอนด้วยความช่วยเหลือในการสร้างผลิตภัณฑ์เช่น ETF ทำให้หน่วยงานกํากับดูแลจะสามารถกําหนดขั้นตอนมาตรฐานสําหรับการลงทุนในคริปโตเคอเรนซีในขณะที่ยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับสินทรัพย์ของนักลงทุนซึ่งอาจช่วยให้อุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซีถูกต้องตามกฎหมายและทําให้ผู้ที่อาจใช้คริปโตมองเห็นว่ามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

ปานกลาง

2306-T4938_BL_BlackRock_ETF-2.png

BlackRock Bitcoin ETF: สํารวจว่าคืออะไรและมีผลต่อราคา Bitcoin อย่างไร

คริปโตเคอร์เรนซีเป็นหนึ่งในประเภทการลงทุน

นอกจากการเป็นเจ้าของ Bitcoin จริงแล้วนักลงทุนยังสามารถซื้ออนุพันธ์ทางการเงินที่หลากหลายซึ่งทําให้พวกเขาสามารถหารายได้ทางอ้อมแม้ว่าคําว่า “Bitcoin ETF” อาจฟังดูซับซ้อนแต่อันที่จริงสามารถใช้งานได้ง่ายมากเมื่อคุณเข้าใจว่า ETF ประเภทต่างๆทํางานอย่างไรคุณก็จะมีโอกาสในการลงทุนที่ยอดเยี่ยมมากมายคู่มือนี้จะสํารวจ ETF จุด Bitcoin Spot ETF และ Futures ETF และแสดงให้คุณเห็นถึงวิธีการใช้สองสิ่งนี้เป็นเครื่องมือของกลยุทธ์การลงทุนของคุณ

คือกองทุนรวมดัชนีซึ่งเป็นกองทุนเพื่อการลงทุนประเภทหนึ่งที่รวมสินทรัพย์หลายรายการเข้าไว้ด้วยกันเป็นหนึ่งชุดจากนั้นกลุ่มสินทรัพย์จะถูกซื้อและขายในตลาดหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายเช่นเดียวกับโทเค็นคริปโตแต่ละตัว

ETF มีหลายรูปแบบและขนาดโดยอาจจะประกอบด้วยหลักทรัพย์คริปโตพันธบัตรและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆไม่ว่ากองทุนภายใน ETF จะเป็นอะไรมูลค่าก็จะผันผวนตามมูลค่าของสินทรัพย์อ้างอิง ETF มีขายอย่างต่อเนื่องซึ่งแตกต่างจากกองทุนเพื่อการลงทุนประเภทอื่นๆและราคาของ ETF อาจเพิ่มขึ้นและลดลงได้เมื่อสภาพตลาดเปลี่ยนแปลงไป

โดยอาจรวมการลงทุนแบบต่างๆเช่น Bitcoin Futures, โทเค็น Bitcoin และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin ไว้ในแพ็คเกจเดียวโดยขึ้นอยู่กับประเภทของ ETF มูลค่าก็จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามราคา Bitcoin

กองทุนรวมดัชนี Bitcoin ทําให้การลงทุนใน Bitcoin สามารถทำได้โดยไม่ต้องเป็นเจ้าของคริปโตเคอร์เรนซีด้วยตนเองตัวอย่างเช่นคุณสามารถซื้อ Bitcoin ETF ผ่านโบรกเกอร์ของคุณแทนที่จะซื้อโทเค็น Bitcoin และใส่ไว้ในคริปโตวอลเล็ตของคุณ

แนวคิดของ Bitcoin ETF นั้นมีขึ้นสักระยะหนึ่งแล้วแม้ว่าการเกิดขึ้นของ Bitcoin ETF นั้นค่อนข้างใหม่คณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (SEC) เพิ่งจะเริ่มอนุมัติคริปโต ETF บางประเภทเท่านั้นในขณะที่ Bitcoin ETF อื่นๆ

Bitcoin Spot ETF เป็นกองทุนที่ใช้โทเค็น Bitcoin จริงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลอ้างอิงราคาของ Bitcoin Spot ETF นั้นสัมพันธ์โดยตรงกับราคา Bitcoin ดังนั้นการมีหุ้นใน Bitcoin Spot ETF จึงคล้ายกับการเป็นเจ้าของ Bitcoin จริงบางส่วน

ตัวอย่างเช่นลองดูที่กองทุนรวมดัชนี Bitcoin Spot ที่มีโทเค็น Bitcoin 10,000 โทเค็นหาก Bitcoin Spot ETF ออกหุ้น 10,000 หุ้นแต่ละหุ้นจะมีมูลค่าเท่ากับ 1 BTC ผู้ใช้ที่เป็นเจ้าของหุ้นจะพบว่ามูลค่าของหุ้นของตนยังคงเท่ากับราคาตลาดของ Bitcoin เมื่อตลาดพุ่งขึ้นหรือทรุดดิ่งลง

Bitcoin Spot ETF มีการทํางานอย่างไร

Bitcoin Spot ETF เริ่มต้นจากกลุ่มที่ตัดสินใจสร้างกองทุนรวมดัชนีขึ้นพวกเขาซื้อ Bitcoin แล้วมอบให้แก่ผู้สนับสนุน ETF ผู้สนับสนุน Bitcoin Spot ETF จะรวบรวมโทเค็นเข้าไว้ในหนึ่งกองทุนและแยกออกเป็นจํานวนหุ้นที่กําหนดไว้ล่วงหน้าจากนั้นจึงส่งคืนให้แก่ทางกลุ่มเพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เนื่องจาก Bitcoin Spot ETF เป็นกองทุนเปิดจึงสามารถออกหุ้นใหม่และเพิ่มคริปโตเข้าไปให้มากขึ้นเมื่อมีอุปทานเพิ่มขึ้น

เมื่อนักลงทุนซื้อหุ้นใดหุ้นหนึ่งจากหุ้นเหล่านี้พวกเขาก็กําลังซื้อส่วนหนึ่งของโทเค็น Bitcoin ภายใน Bitcoin Spot ETF อย่างไรก็ตามตราบใดที่ผู้ซื้อถือหุ้น ETF จะยังไม่ถือว่าพวกเขาถือครองคริปโตเคอร์เรนซีนั้นโดยตรงคุณอาจมองว่าการซื้อหุ้น ETF ก็เปรียบเสมือนการจ่ายให้ใครบางคน 1 ดอลลาร์เพื่อให้พวกเขาถือครองเงินดอลลาร์นี้ไว้สำหรับคุณในวอลเล็ตของพวกเขา

Bitcoin Spot ETF จะขึ้นลงตามราคาปัจจุบันของ Bitcoin มูลค่าของกองทุนและหุ้นจะเชื่อมโยงโดยตรงกับ Bitcoin ในอัตราหนึ่งต่อหนึ่งบางครั้งราคาของ Spot ETF อาจแตกต่างจากมูลค่าของ Bitcoin พื้นฐานเล็กน้อยเมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นนักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของราคาเพื่อทำกำไรได้กลไกนี้ส่งเสริมให้ ETF สามารถควบคุมราคาและรักษาความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับราคา Bitcoin

ประโยชน์ของ Bitcoin Spot ETF

นี่คือเหตุผลหลักบางส่วนที่ทำให้นักลงทุนรู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับแนวคิดของ Bitcoin Spot ETF

ความคล้ายคลึงกับการลงทุนแบบดั้งเดิม

หากคุณยังใหม่กับโลกของ Bitcoin แต่ได้ลงทุนกับตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) มาระยะหนึ่งแล้ว Bitcoin Spot ETF เป็นโอกาสที่ดีที่จะลองลงทุนในคริปโตแทนที่จะต้องเรียนรู้วิธีซื้อ Bitcoin ผู้ค้าสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนของการซื้อหุ้นใน ETF ที่เป็นที่ทราบกันดีสําหรับผู้ที่ระมัดระวังในการลงทุนใน

และการซื้อขาย Bitcoin Spot ETF อาจเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการได้กำไรจากราคาที่เพิ่มขึ้นของ Bitcoin โดยไม่จําเป็นต้องรู้จักคริปโตมากนักวิธีนี้จะช่วยเปิดโอกาสในการลงทุนในคริปโตให้แก่กลุ่มเป้าหมายใหม่และช่วยกระตุ้นความสนใจใน Bitcoin ให้มากขึ้น

ข้อดีอีกประการหนึ่งที่สำคัญของ ETF ก็คือคุณไม่จำเป็นต้องประสบกับปัญหาในการเป็นเจ้าของ Bitcoin เว้นแต่คุณต้องการจะแลกหุ้น ETF จะจัดการโทเค็นทั้งหมดของคุณในขณะที่คุณทํากําไรจากราคาสูงขึ้นเมื่อคุณเลือกที่จะลงทุนใน Bitcoin Spot ETF คุณไม่จําเป็นต้องใส่ใจกับรายละเอียดเช่นการติดตาม

นอกจากนี้ Bitcoin Spot ETF ยังอยู่ภายใต้ระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวดและดําเนินการโดยบริษัทที่มีชื่อเสียงดังนั้นคุณจึงได้รับความสะดวกสบายในการรักษาความปลอดภัยสูงสุดโดยไม่ต้องจัดการด้วยตัวเอง

ความท้าทายของ Bitcoin Spot ETF

แม้ว่า Bitcoin Spot ETF จะมีข้อดีหลายอย่างแต่ก็ไม่ได้เหมาะสําหรับผู้ค้าทุกรายปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้มีดังนี้

ไม่ว่าจะเป็น Bitcoin Spot ETF ใดก็อาจมีช่วงที่ราคาตกลงได้แม้ว่าราคาของ ETF จะเป็นไปตามราคาของโทเค็น Bitcoin จริงอย่างใกล้ชิดแต่ก็มีบางช่วงเวลาที่มูลค่าของ ETF ไม่ได้เป็นไปตามตลาดคริปโตอันที่จริงนักลงทุนบางคนพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากราคาที่ตกลงนี้ผ่านเทคนิคที่เรียกว่า

อย่างไรก็ตามการเก็งกำไรอาจเป็นเรื่องยากและความผันผวนของ Bitcoin ก็อาจทําให้คุณต้องเสียเงินในท้ายที่สุดบางคนพบว่าการซื้อ Bitcoin โดยตรงนั้นง่ายกว่าและสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของช่วงที่ราคาลดลง

สูงกว่าเมื่อเทียบกับการเทรดคริปโตโดยตรงในการแลกเปลี่ยนเพื่อเป็นการตอบแทนสําหรับความสะดวกสบายและการปกป้อง ETF เพิ่มขึ้นคุณจึงต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้ให้บริการเพิ่มอีกเล็กน้อยเมื่อคุณซื้อหุ้นซึ่งอาจทําให้ ETF มีราคาสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับ

ที่ทําธุรกรรมบ่อยครั้ง

ไม่ได้รับการอนุมัติจาก SEC

ปัญหาสําคัญอื่นๆของ Bitcoin Spot ETF คือกองทุนนี้ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมาบริษัทจัดการการลงทุนได้พยายามขออนุมัติเกี่ยวกับ ETF แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกํากับดูแลบรรดาผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอย่างช้าในปี 2024 Bitcoin Spot ETF น่าจะได้รับการอนุมัติหากไม่เป็นเช่นนั้นก็เป็นเรื่องยากที่ Bitcoin Spot ETF จะได้รับความสนใจจากผู้ที่มักซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE)

Bitcoin Futures ETF คืออะไร

Bitcoin Futures ETF เป็นกองทุนที่ถือครองสัญญา Bitcoin Futures สัญญาเหล่านี้อนุญาตให้ ETF ซื้อหรือขาย Bitcoin ในราคาที่กําหนดนี้ได้ในอนาคตราคาของหุ้นในกองทุนดังกล่าวจะเปลี่ยนแปลงโดยขึ้นอยู่กับว่าราคา Bitcoin ทําให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดูน่าสนใจหรือไม่

เมื่อคุณซื้อ Bitcoin Futures ETF คุณกําลังคาดเดาว่าตลาด Bitcoin จะขึ้นหรือลงตัวอย่างเช่นเมื่อมองว่า Bitcoin Futures ETF มีสัญญาที่จะซื้อ BTC 2 เหรียญในราคาที่กําหนดไว้ล่วงหน้าที่ 30,000 ดอลลาร์ในสามเดือนหากราคาปัจจุบันของ Bitcoin ลดลงเหลือ 20,000 ดอลลาร์มูลค่าของ ETF จะลดลงแต่หากราคาปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 40,000 ดอลลาร์มูลค่าของ ETF ก็จะเพิ่มขึ้นมูลค่าของหุ้นของคุณจะเปลี่ยนแปลงไปตามผลกําไรที่ ETF มีแนวโน้มว่าจะทําได้

Bitcoin Futures ETF มีการทํางานอย่างไร

การสร้าง Bitcoin Futures ETF นั้นค่อนข้างคล้ายกับ Bitcoin Spot ETF ผู้เข้าร่วมที่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นนายหน้าผู้ค้าหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนของสหรัฐฯทำการซื้อสัญญาล่วงหน้า Bitcoin จำนวนมากสัญญาเหล่านี้ระบุว่าจะมีการขาย Bitcoin ในจํานวนที่ระบุชัดเจนในราคาที่กําหนดไว้ล่วงหน้าณวันที่ตกลงกันผู้เข้าร่วมที่ได้รับอนุญาตจะส่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้านี้ให้แก่ผู้สนับสนุน Bitcoin Futures ETF ซึ่งสามารถรวมเงินทุนเข้าด้วยกันและแบ่งออกเป็นหุ้นจำนวนหนึ่งโดยมีสัดส่วนที่เหมาะสมผู้เข้าร่วมที่ได้รับอนุญาตจะซื้อหุ้นของกองทุนนี้ที่นำมาขายในตลาด

เมื่อ Bitcoin Futures ETF เข้าสู่ตลาดเปิดระบบการทำงานของกองทุนจะมีความซับซ้อนมากขึ้นเล็กน้อย Bitcoin Futures ETF ทําหน้าที่ที่สําคัญเหมือนพอร์ตโฟลิโอเล็กๆที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า ETF บางส่วนอาจออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากแนวโน้มตลาดที่ลดลงในขณะที่ ETF อื่นๆถูกสร้างขึ้นเพื่อทํากําไรหากแนวโน้มตลาดเพิ่มขึ้นหรือมีเสถียรภาพ

ราคาตลาดของ Bitcoin Futures ETF ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆมากมายอาทิแนวโน้มราคาของ Bitcoin, การมองโลกในแง่ดีของบรรดานักลงทุนและรายละเอียดเฉพาะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า

ของ Bitcoin Futures ETF จะส่งผลกระทบต่อมูลค่ามากกว่าสภาพตลาดในปัจจุบัน

ประโยชน์ของ Bitcoin Futures ETF

การดำเนินการกับ Bitcoin Futures ETF จะทําให้คุณมีข้อได้เปรียบที่เป็นประโยชน์มากมาย

หนึ่งในเหตุผลหลักที่ผู้คนชอบใช้ Bitcoin Futures ETF ก็เพราะช่วยให้ได้กำไรจากความเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ได้ง่ายขึ้นและตรงไปตรงมาตราบใดที่คุณสามารถบอกได้อย่างถูกต้องว่าราคาของ Bitcoin จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงคุณก็จะสามารถสร้างรายได้ด้วย Bitcoin Futures ETF ได้ผู้สร้าง ETF จะจัดการรายละเอียดในการซื้อสัญญาที่แท้จริงและเลือกราคาเทรด Bitcoin ในขณะที่คุณต้องคิดว่าราคามีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง

อยู่ภายใต้ระเบียบข้อบังคับที่เข้มงวด

เมื่อคุณลงทุนใน Bitcoin Futures ETF คุณสามารถมั่นใจได้ว่า ETF นั้นสร้างขึ้นโดยองค์กรทางการเงินที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งดําเนินงานภายใต้ระเบียบข้อบังคับมาตรฐานของรัฐบาล Bitcoin Futures ETF ได้รับการอนุมัติจาก SEC แล้วจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยในการติดต่อกับตลาดคริปโตคุณไม่จําเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับใหม่ๆที่จะทําให้ ETF นี้ผิดกฎหมายและคุณยังสามารถมั่นใจได้ว่า ETF นี้จะดําเนินงานโดยกลุ่มที่มีชื่อเสียงที่จะปฏิบัติต่อคุณอย่างเป็นธรรม

ความท้าทายของ Bitcoin Futures ETF

แม้ว่า Bitcoin Futures ETF จะเป็นที่นิยมแต่ก็มีข้อเสียที่เป็นไปได้ซึ่งคุณจําเป็นต้องทราบ

การเกี่ยวข้องกับ Bitcoin ทางอ้อม

Bitcoin Futures ETF มีความสัมพันธ์ทางอ้อมกับ Bitcoin พอสมควรเนื่องจากมีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหลายฉบับที่เกี่ยวข้องนักลงทุนจึงไม่ได้เป็นเจ้าของสินค้าโภคภัณฑ์ที่รองรับด้วย Bitcoin นั้นเองผลการปฏิบัติงานไม่ได้เชื่อมโยงกับตลาดโดยตรงเสมอไปดังนั้นความเคลื่อนไหวของราคาจึงไม่ใช่ปัจจัยที่ส่งผลตรงไปตรงมาการที่ราคาของ Bitcoin ไม่ได้เชื่อมโยงกับมูลค่าของ Bitcoin Futures ETF โดยตรงจึงอาจมีปัจจัยตลาดอื่นๆที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลกําไรที่อาจเกิดขึ้นของคุณ

แม้ว่า Bitcoin Futures ETF นั้นค่อนข้างใช้งานง่ายแต่ก็มีปัจจัยอีกหลายอย่างเบื้องหลังตลาดการซื้อขายล่วงหน้านั้นเกี่ยวข้องกับแนวคิดทางคณิตศาสตร์และทางการเงินแบบ่ต่างๆซึ่งอาจเป็นเรื่องยากสําหรับผู้เริ่มต้นที่จะทำความเข้าใจแน่นอนว่าคุณไม่จําเป็นต้องเข้าใจข้อมูลทั้งหมดจึงจะสามารถซื้อ Bitcoin Futures ETF พื้นฐานอย่างไรก็ตามหากคุณต้องการที่จะลงทุนเป็นจำนวนมากใน Bitcoin Futures ETF เพื่อให้เป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์การซื้อขายคุณก็จะต้องทําการ

มากมายแม้แต่ความเข้าใจผิดเล็กๆน้อยๆก็อาจส่งผลให้ต้องสูญเงินก้อนใหญ่ได้

bitcoin spot etf vs bitcoin futures etf featured image

SEP23_R4_Evergreen_Educational_Bitcoin_Spot_ETF_vs._Bitcoin_Futures_ETF_What_s_The_Difference_.png

Bitcoin Spot ETF เทียบกับ Bitcoin Futures ETF: มีข้อแตกต่างกันอย่างไร

การอนุมัติที่อาจเกิดขึ้นของกองทุนซื้อขายบนตลาดแลกเปลี่ยน (

สร้างความอึกทึกครึกโครมให้กับโลกคริปโตด้วย

ในวันที่ 10 มกราคม 2024 ใกล้เข้ามาทุกทีข่าวลือเริ่มแพร่กระจายและทําให้เกิดความผันผวนของตลาดซึ่งส่งผลต่อมูลค่าของ Bitcoin ทั้งหมดเกี่ยวกับอะไรและทําไมถึงมีความสําคัญ

บทความนี้จะเปิดเผยการอนุมัติ ETF แบบสปอตของ Bitcoin และอธิบายกระบวนการสถานะของการสมัครที่รอดําเนินการและความหมายโดยนัยของนักลงทุนในคริปโต

ETF แบบสปอตของ Bitcoin คืออะไร

ETF แบบสปอตของ Bitcoin เป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ติดตามราคาของ Bitcoin ในตลาดสปอตซึ่งมีการซื้อและขายเพื่อส่งมอบทันที

มีจุดมุ่งหมายเพื่อสะท้อนราคา Bitcoin แบบสปอตโดยการซื้อ Bitcoin ในห้องนิรภัยดิจิทัลที่ปลอดภัยในทางตรงกันข้าม ETF ของ Bitcoin ในปัจจุบันใช้

หรือเครื่องมือทางอ้อมอื่นๆเพื่อให้ได้มาซึ่ง Bitcoin จากการเกิดขึ้นของ ETF แบบสปอตของ Bitcoin นักลงทุนสามารถเข้าถึงการเปิดรับ Bitcoin แบบสปอตในตลาดหลักทรัพย์แบบดั้งเดิมเช่น NYSE หรือ Nasdaq โดยไม่ต้องซื้อและจัดเก็บ Bitcoin โดยตรง

ETF แบบสปอตของ Bitcoin จะทํางานอย่างไร

ETF แบบสปอตของ Bitcoin จะทํางานคล้ายกับ ETF อื่นๆที่ติดตามสินค้าโภคภัณฑ์หรือสกุลเงินกองทุนจะมีผู้สนับสนุนหรือผู้จัดการที่จะสร้างและแลกหุ้นของกองทุนเพื่อแลกเปลี่ยนกับ Bitcoin นอกจากนี้จะต้องมีผู้ดูแลเพื่อจัดเก็บและรักษาความปลอดภัย Bitcoin ในนามของกองทุนซึ่งจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสําหรับบริการของตนและมีเป้าหมายเพื่อติดตามผลการดําเนินงานของดัชนีราคา Bitcoin

นักลงทุนที่ต้องการลงทุนใน Bitcoin แบบสปอตของ ETF ไม่จําเป็นต้องซื้อขายหรือจัดเก็บ Bitcoin เองพวกเขาเพียงแค่ซื้อหรือขายหุ้นของกองทุนในตลาดหลักทรัพย์เช่นเดียวกับหุ้นอื่นๆ ETF แบบสปอตของ Bitcoin จะให้ประโยชน์หลายประการแก่นักลงทุน:

สภาวะปัจจุบันของ Bitcoin Spot ETF

ผู้ออกสิบสี่รายรวมถึง

, Valkyrie, ARK 21Shares, Bitwise และ Fidelity ได้ยื่นขออนุมัติสําหรับ ETF แบบสปอตของ Bitcoin จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (

เชื่อว่าตนใกล้จะได้รับการอนุมัติขั้นสุดท้ายแล้วหลังจากพูดคุยถึงการเปลี่ยนแปลงข้อความขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการยื่น ETF แบบสปอตของ Bitcoin ต่อ SEC ทันทีในวันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2024 

ผู้ออกบางรายคาดว่าการอนุมัติที่อาจเกิดขึ้นจะครบกําหนดในวันที่ 9 หรือ 10 มกราคมเนื่องจากระยะเวลาการแสดงความคิดเห็นสาธารณะสําหรับใบสมัครบางส่วน

จนกว่าจะถึงเที่ยงคืนของวันที่ 5 มกราคม SEC ยังต้องอนุมัติทั้งแบบฟอร์มการยื่นเอกสาร 19b-4 และ S-1 สําหรับ ETF แต่ละรายการก่อนที่จะสามารถเริ่มการซื้อขายได้

บริษัทการเงินชั้นนําหลายแห่งเพิ่งปรับปรุงการยื่น S-1 ของตนเมื่อไม่นานมานี้โดยส่งสัญญาณถึงขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่จะได้รับการอนุมัติ ETF สปอตของ Bitcoinโดยเฉพาะอย่างยิ่งการยื่นเอกสารเหล่านี้ได้เปิดเผยค่าธรรมเนียมของผู้สนับสนุนซึ่งหลายๆฉบับได้มีการประกาศเป็นครั้งแรก

ตัวอย่างเช่น BlackRock ได้ตั้งค่าธรรมเนียมสปอนเซอร์ไว้ที่ 0.3% ซึ่งจะลดลงเหลือ 0.2% ในช่วงปีแรกหรือจนกว่า ETF จะสะสมสินทรัพย์ 5 พันล้านดอลลาร์ VanEck เลือกจ่ายค่าธรรมเนียมถาวรที่ต่ํากว่า 0.25% ในขณะที่ค่าธรรมเนียม WisdomTree นั้นสูงกว่า 0.5% Eric Balchunas นักวิเคราะห์ ETF ของ Bloomberg แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขันของค่าธรรมเนียมของ BlackRock โดยเน้นสภาพแวดล้อมที่ท้าทายสําหรับบริษัทอื่นๆ

ในทํานองเดียวกัน ARK 21Shares ลดค่าธรรมเนียมจาก 0.8% เป็น 0.25% โดยไม่มีค่าธรรมเนียมสําหรับหกเดือนแรกหรือจนกว่าจะถึง 1 พันล้านดอลลาร์ในสินทรัพย์การเคลื่อนไหวของ Balchunas อธิบายว่ามีความสําคัญในบริบทของสงครามค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนอกจากนี้ Grayscale ยังได้ยื่นแบบฟอร์ม S-3 ที่แก้ไขแล้วเพื่อแปลงความไว้วางใจของ Bitcoin ให้เป็น ETF ค่าธรรมเนียมจาก 2% เป็น 1.5% การปรับปรุงเหล่านี้เป็นไปตามการแก้ไขขั้นสุดท้ายในแบบฟอร์ม 19b-4 เมื่อไม่นานมานี้และตอนนี้ได้เปลี่ยนจุดมุ่งเน้นเป็น SEC สําหรับการตัดสินใจของพวกเขาแล้วหาก SEC อนุมัติแบบฟอร์มเหล่านี้ ETF อาจเริ่มการเทรดในวันถัดไป

ผลกระทบในปัจจุบันต่อตลาด Crypto ของแอปพลิเคชัน Bitcoin Spot ETF

การคาดการณ์เกี่ยวกับการอนุมัติ ETF แบบสปอตของ Bitcoin ที่เป็นไปได้ในสหรัฐอเมริกามีผลกระทบที่มองเห็นได้ในตลาดคริปโตซึ่งส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อราคาและความรู้สึกโดยรวมของ Bitcoin หลังจากเกิดไฟกระชากซึ่งดัน BTC ไปชั่วขณะหนึ่งต่ํากว่า 41,000 ดอลลาร์สหรัฐไม่เพียงแต่เพิ่มขึ้นเป็น 45,000 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นแต่ยังเพิ่มขึ้นเป็น 47,000 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนเมษายน 2022 การมองโลกในแง่ดีของนักลงทุนเกี่ยวกับการอนุมัติ ETF แบบสปอตของ BTC ของสหรัฐฯที่คาดการณ์ไว้

จากการสํารวจล่าสุดที่ปรึกษาทางการเงินมองว่าการอนุมัติ ETF แบบสปอตเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สําคัญโดย 88% แสดงความสนใจในการซื้อ Bitcoin เมื่อ ETF เหล่านี้ได้รับการอนุมัติซึ่งถือว่าเป็นออปชันที่อิงกับอนาคตที่มีอยู่และมีความเชื่อที่แพร่หลายว่าพวกเขาจะนําการลงทุนจํานวนมากไปสู่คริปโตเคอเรนซี่หลักของโลก

นอกจากนี้มีการคาดเดาว่าความสนใจอาจเปลี่ยนไปเป็น

แล้ว Markus Thielen ของ Matrixport คาดการณ์ผลการดําเนินงานที่เหนือความคาดหมายของ ETH มากกว่า BTC ที่อาจเกิดขึ้นโดยการตัดสินใจเกี่ยวกับการสมัคร

อาจจะมาถึงในเดือนพฤษภาคม

อนุมัติหรือไม่

ผลกระทบในปัจจุบันต่อตลาดคริปโตส่วนใหญ่เป็นไปในทางบวกเนื่องจากความคาดหวังที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาอาจให้ความสําคัญกับข้อเสนอภายในวันที่ 10 มกราคม 2024 การอนุมัติจะทําให้นักลงทุนสถาบันและผู้ค้าปลีกสามารถเข้าสู่ Bitcoin ได้ง่ายขึ้นโดยปราศจากความซับซ้อนทางเทคนิคและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรง

ก่อนหน้านี้ตลาดล่มถูกกระตุ้นโดย

ที่คาดการณ์การปฏิเสธการสมัคร ETF แบบสปอตของ BTC ทั้งหมดอย่างไรก็ตามการคาดการณ์

ว่ามีความเป็นไปได้ 90% ของการอนุมัติของ SEC ภายในวันที่ 10 มกราคม 2024 ได้มีส่วนทําให้ Bitcoin ฟื้นตัวเมื่อไม่นานมานี้

โดยรวมแล้วตลาดนั้นมีท่าทีขาขึ้นเนื่องจากการอนุมัติ ETF อาจกลายเป็นช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการนําสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้และเป็นที่ยอมรับคาดว่าสภาพคล่องของตลาดและความโปร่งใสจะเพิ่มขึ้นและมีโอกาสที่จะลดความผันผวนและความเสี่ยงจากการจัดการนอกจากนี้ยังถูกมองว่าเป็นตัวเร่งให้เกิดนวัตกรรมเพิ่มเติมในพื้นที่คริปโตมีโอกาสก่อให้เกิดความก้าวหน้าในอนาคตสัญญาออปชั่น

 (DeFi) และกรณีการใช้งานอื่นๆ

การอนุมัติการสมัคร ETF แบบสปอตของ Bitcoin หมายถึงอะไร

หาก SEC อนุมัติการสมัคร ETF แบบสปอตของ Bitcoin มันจะเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สําหรับอุตสาหกรรมคริปโตและตลาดการเงินการตัดสินใจดังกล่าวจะส่งสัญญาณว่าหน่วยงานกํากับดูแลของสหรัฐอเมริกายอมรับว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีมูลค่าและอุตสาหกรรมคริปโตได้เติบโตเต็มที่พอที่จะเป็นไปตามมาตรฐานการคุ้มครองนักลงทุนและความสมบูรณ์ของตลาดการยอมรับครั้งนี้จะเปิดประตูสู่นวัตกรรมมากขึ้นและการนําสินทรัพย์คริปโตมาใช้และทําให้นักลงทุนทุกประเภทมีส่วนร่วมกับ Bitcoin ได้ง่ายขึ้น

ต่อไปนี้คือการพัฒนาที่เป็นไปได้บางอย่างหาก ETF แบบสปอตของ Bitcoin ได้รับการอนุมัติ:

นอกจากนี้คริปโตเคอเรนซี่ตัวอื่นๆเหล่านี้อาจต้องเผชิญกับความท้าทายด้านกฎหมายมากขึ้น SEC อาจกําหนดกฎที่เข้มงวดกว่าเพื่อให้มีคุณสมบัติสําหรับ ETF ของตนเองซึ่งอาจทําให้นักลงทุนน่าดึงดูดหรือเข้าถึงได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับ Bitcoin

อย่างไรก็ตามมีข้อกังวลเช่นกันการเปิดตัว ETF แบบสปอตของ Bitcoin อาจหมายถึงการมีกฎระเบียบและคนกลางเข้าสู่ตลาดคริปโตมากขึ้นซึ่งอาจขัดกับหลักการที่ขับเคลื่อนการเติบโตของคริปโตซึ่งก็คือการกระจายอํานาจและอิสรภาพจากการควบคุมทางการเงินแบบดั้งเดิมอีกครั้งการผูกโยงเข้ากับตลาดหุ้นและหน่วยงานกํากับดูแลอาจชี้นําอุตสาหกรรมคริปโตไปในทิศทางที่อาจไม่สอดคล้องกับเป้าหมายเดิม

Altcoins

บล็อกเชน

คริปโต

DeFi

GameFi

อินดิเคเตอร์

การลงทุน

เมตาเวิร์ส

Memes

ออปชันส์

Stablecoin

Stake

กลยุทธ์

การเทรด

Web 3.0

Bitcoin

จำนวน Bitcoin จำกัด 21 ล้านเหรียญ: จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อขุด Bitcoin ทั้งหมดแล้ว

คริปโต

BlackRock Bitcoin ETF: สํารวจว่าคืออะไรและมีผลต่อราคา Bitcoin อย่างไร

Bitcoin

Bitcoin Spot ETF เทียบกับ Bitcoin Futures ETF: มีข้อแตกต่างกันอย่างไร

Bitcoin

การอนุมัติ ETF แบบสปอตของ BTF: สำคัญอย่างไรสำหรับนักลงทุนในคริปโต

Bitcoin

ใครเป็นเจ้าของ Bitcoin มากที่สุดในปี 2024

คริปโต

Bitcoin คืออะไร (คู่มือฉบับสมบูรณ์)

คริปโต

ซื้อดิป: คุณควรซื้อ Bitcoin ตอนราคาดิปหรือไม่

การเทรด

คุณควรซื้อ Bitcoin ตอนนี้ในขณะที่ยังต่ํากว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือไม่

Bitcoin

วิธีการลงทุนใน Bitcoin (สําหรับมือใหม่)

Bitcoin

Litecoin กับ Bitcoin กับ Ethereum: อะไรคือความแตกต่าง

Altcoins

Bitcoin เป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่ [ฉบับปี 2023]

Bitcoin

อนาคตของ Bitcoin จะเป็นเช่นไร (2023)

คริปโต